วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สวดมนต์-ไหว้พระ



การสวดมนต์ - ไหว้พระ
        
         ปัจจุบันคนส่วนใหญ่เวลาจะทำบุญมักนึกถึงการตักบาตรหรือเข้าวัดทำบุญเป็นส่วนมาก  ในภาวะปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่ไม่มีเวลา ก็เลยเสียโอกาสในการสั่งสมบุญ-บารมี แต่การสร้างบุญกุศลสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาไปวัดและมีความตั้งใจแล้ว ก็สามารถทำได้เพื่อสั่งสมบุญ-บารมี

หากท่านมีความตั้งใจจริงแล้ว  ให้ท่านปฏิบัติดังนี้

1. หา กระปุกออมสิน หรือ บาตรพลาสติก หรือภาชนะที่สะดวก ในการหยอดเงิน นำมาวางไว้ที่ในห้องพระ หรือหิ้งพระ

2. ทุกวันให้เราสละเวลา เพียงวันละประมาณ 20-30 นาที สวดมนต์ไหว้พระเวลาไหนก็ได้ที่เราว่าง เราสบายใจ เช้า สาย บ่าย เย็น หรือก่อนนอน

โดยเริ่มสวดมนต์จากบท
คำบูชาพระ - อิมินาฯ...
คำบูชาพระรัตนตรัย - อะระหังฯ...
นมัสการพระพุทธเจ้า - นะโมฯ... 
                            (ระหว่างนี้ให้นำเงินมาจบเอาไว้ในมือ 1 บาท 5 บาท หรือ...บาทแล้วแต่สะดวก)
กล่าวบูชาไตรสรณคมน์ - พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ ฯ...
สวดบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ - อิติปิโสฯ....
สวดบทพาหุงมหากา (ถวายพรพระ) - พาหุงสะหัสฯ...
จากนั้นกลับมาสวดบท พุทธคุณ อีก 9 จบ หรือจะสวดเท่าอายุบวกหนึ่งก็ได้
*** และหากมีเวลา ท่านอยากสวดบทอื่น อีกก็สามารถสวดต่อได้เลย ***

3. จากนั้นตั้งจิตให้เป็นสมาธิสักระยะหนึ่ง แล้วอธิษฐานจิตจนเสร็จ จึงนำเงินที่จบไว้ในมือ ใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ที่หิ้งพระหรือโต๊ะหมู่บูชา แต่อย่าลืม แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลทุกครั้งให้เจ้ากรรมนายเวร (พยายามทำอย่างนี้ทุกวันอย่าได้ขาด)

4. หลังจากนั้น เราก็จะได้บารมีครบถ้วน เพียงแค่สวดมนต์ไม่กี่นาที และสิ่งเหล่านี้ก็จะสะสมในใจเราทีละน้อย เหมือนกับเราเก็บเงินวันละ บาท 10 วันก็ได้ 10 บาท แต่ถ้าเราไม่ทำอะไร เราก็จะไม่ได้อะไรเลย แล้วเงินที่เราหยอดทุกวัน ที่ได้จากการสวดมนต์ ก็เหมือนเราตักบาตรทุกวัน โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เมื่อมีโอกาสเข้าวัด หรือจะไปทำบุญตามสถานที่ต่างๆ เราก็สามารถนำเงินนั้นแหละไปทำบุญ หยอดตู้ ใส่ซอง ทำให้จิตของเราติดอยู่กับบุญกุศล ทุกวัน

การทำบุญไหว้พระสามารถทำได้ทุกวัน
โดยได้บารมี 10 ทัศ ครบถ้วนบริสุทธิ์ บริบูรณ์
จาก หนังสือ สติปัฏฐานสี่และคติธรรมคำสอน 
(พระธรรมสิงหบุราจารย์ หรือหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมโม) 
วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี



โดยบารมี 10 ทัศ จากการสวดมนต์ไหว้พระ  นั้นหมายถึง
              1. ทานบารมี เกิดขึ้นเมื่อ ขณะที่เราสวดมนต์เสร็จ เราทำทานคือเอาเงินที่จบใส่ใน กระปุกออมสิน หรือ บาตรพลาสติก หรือภาชนะที่เราเตรียมไว้ เป็น ทานบารมี
              2. ศีลบารมี เกิดขึ้นเมื่อ ขณะที่เราสวดมนต์อยู่ในขณะนั้นเราไม่ได้ทำบาปกรรมกับใคร มีศีลอยู่ในขณะที่สวดถือว่ามี ศีลบารมี
              3. เนกขัมมบารมี เกิดขึ้นเมื่อ ขณะที่เราสวดมนต์อยู่ จิตของเราปราศจาก นิวรณ์มารบกวนจิตใจ ถือว่าเป็นการบวชใจ ถือว่าเป็น เนกขัมมบารมี
              4. ปัญญาบารมี เกิดขึ้นเมื่อ การสวดมนต์ไหว้พระเราทำด้วยความศรัทธา ทำด้วยปัญญาที่เห็นว่ามันเป็นประโยชน์ช่วยฝึกฝนให้เกิดสติ มีสมาธิ มิได้ทำด้วยความงมงาย เป็น ปัญญาบารมี
              5. วิริยะบารมี เกิดขึ้นเมื่อเรามีความเพียรในการสวดมนต์ ถ้าเราไม่มีความเพียรในการสวดมนต์ เราก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นความเพียรเป็น วิริยะบารมี
              6. ขันติบารมี เกิดขึ้นเมื่อ มีความเพียรแล้ว ก็ต้องมีความอดทนในการสวดมนต์ให้สำเร็จ ไม่มีความอดทน ความเพียรก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องมีความอดทน ความอดทนเป็น ขันติบารมี
              7. สัจจะบารมี เกิดขึ้นเมื่อ มีความเพียร มีความอดทนแล้ว แต่ขาดสัจจะในการกระทำ หมายถึง ความจริงใจ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมีความจริงใจในการประพฤติปฏิบัติ ความจริงใจ คือ สัจจะบารมี
              8. อธิษฐานบารมี เกิดขึ้นเมื่อ เมื่อเราสวดมนต์เสร็จแล้ว เราทำสมาธิ ตั้งจิตอธิษฐาน ดังนั้นการอธิษฐานถือว่าเป็น อธิษฐานบารมี
              9. เมตตาบารมี เกิดขึ้นเมื่อเราใส่บาตร สวดมนต์เสร็จ ก็ต้องแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล การแผ่เมตตาถือว่าเป็น เมตตาบารมี
             10. อุเบกขาบารมี เกิดขึ้นเมื่อ ขณะที่แผ่เมตตา เราต้องทำใจของเราให้มีเมตตา ต่อสัตว์ทั้งหลาย ทำใจให้เป็นพรหมวิหาร 4 อุเบกขา วางเฉย อโหสิกรรม กับบุคคลที่เราเคยล่วงเกินกันมา ไม่โกรธใคร ไม่เกลียดใคร ไม่ชอบใคร ไม่ชังใคร ทำใจให้นิ่ง ทำจิตให้สงบ วางใจให้เป็นอุเบกขา เป็น อุเบกขาบารมี


 ขอความมุ่งมั่นโปรดอยู่กับท่าน............... ขออนุโมทนา ณ ที่นี้ด้วย