วันอาทิตย์ที่ 10
สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น. นักศึกษาครูสมาธิ รุ่น 35 (ปัญจติงสโม) วิเศษพล (กำลังวิเศษ) จากสถาบันพลังจิตตานุภาพทุกสาขาทั่วประเทศ
เข้าร่วมพิธีปฐมนิเทศและปฏิญาณตนเป็นศิษย์ ณ อุโบสถชั้นล่าง วัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101
โดยพระธรรมมงคลญาณ
พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร ประธานผู้ก่อตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพ
ได้เมตตาเป็นประธานในพิธีจุดเทียนและนำสวดบูชาพระรัตนตรัย
ต่อมาพระครูปลัดมงคลวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันพลังจิตตานุภาพ กล่าวรายงาน
พระชัยสิทธิ ถิรชโย นำนักศึกษาครูสมาธิกล่าวคำปฏิญาณตนมอบตัวเป็นศิษย์ จากนั้นพระอาจารย์หลวงพ่อฯ
กล่าวให้โอวาทแก่นักศึกษาครูสมาธิ ถ่ายทอดสดจาก เมืองฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา
หลังจากนั้นคุณหญิงกอแก้ว
บุณยจินดา, คุณนิวัฒน์ แจ้งอริยะวงศ์
และพลตำรวจตรีกิจพิณิฐ อุสาโห
กล่าวต้อนรับนักศึกษา เเละกล่าวถึงประสบการณ์ความประทับใจต่อหลักสูตรครูสมาธิ
ทั้งนี้เพื่อเเสดงถึงความสามัคคีนักศึกษาครูสมาธิ จึงได้ร่วมกันร้องเพลงอรุณทอแสง และเพลง shinning sun
ทั้งนี้เพื่อเเสดงถึงความสามัคคีนักศึกษาครูสมาธิ จึงได้ร่วมกันร้องเพลงอรุณทอแสง และเพลง shinning sun
พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธฺโร
ให้โอวาทเนื่องในวันปฐมนิเทศ
นักศึกษาครูสมาธิรุ่น 35 (ปัญจติงสโม) วิเศษพล (กำลังวิเศษ)
โอกาสบัดนี้ก็เป็นช่วงที่มีความสำคัญ
และพวกเราชาวนักศึกษาครูสมาธิทั้ง ๑๑๐ สาขาในประเทศไทย แล้วก็ที่เท็กซัส
สหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นที่ดัลลัส หรือที่ฮูสตันนะครับ
และก็ทั่วโลกที่กำลังใจจดใจจ่อในการร่วมพิธีปฐมนิเทศในวันนี้
กระผมขอกราบอาราธนาพระเดชพระคุณพระธรรมมงคลญาณ พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์
สิรินฺธโร องค์ประธานผู้ก่อตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพ
ได้โปรดกล่าวให้โอวาทเป็นขวัญเป็นกำลังใจให้กับนักศึกษาครูสมาธิ รุ่นที่ ๓๕
ขอกราบอาราธนาด้วยความเคารพครับ
(เสียงพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) "สวัสดี (สาธุ) วันนี้ก็เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง คือในปีนึงนี่เราจะมีการปฐมนิเทศ ๒ ครั้ง ครั้งที่ ๑ ครั้งที่ ๒ เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้ท่านทั้งหลายได้มาเรียนครูสมาธิมากยิ่งขึ้น เพราะเหตุใด เพราะเหตุว่า เมื่อเราได้มาเรียนสมาธิแล้ว ผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแก่เรานั้นมีมากมาย อันดับแรกที่เราพากันเข้ามาเพื่อที่จะเรียนสมาธินี่ เราก็จะรู้ทีเดียวว่า จุดประสงค์ของการทำสมาธินี้คืออะไร จุดประสงค์ของการทำสมาธินี้คือ “การสะสมพลังจิต” แล้วทีนี้เมื่อเราจะทำการสะสมพลังจิตแล้วเราจะทำอย่างไร อาจารย์ก็จะบอกให้แนะนำให้ว่า การที่เราจะทำสมาธินั้นให้เป็นการทำพอดิบพอดี เรียกว่า “สัมมาสมาธิ” สัมมาสมาธิ หมายความว่า ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ที่เราทำเช่นนี้เพื่อเป็นการผลิตพลังจิต การผลิตพลังจิตนั้นก็เหมือนกันกับเราผลิตพลังร่างกายของเรา ร่างกายของเรานั้นต้องการความแข็งแรง ต้องการสมองดี ต้องการสุขภาพดี เราก็รับประทานอาหาร การรับประทานอาหารนั้นเราก็เลือกเพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย บุคคลผู้ที่เข้าใจเช่นนั้นก็สามารถสร้างร่างกายขึ้นมา มีสุขภาพดีฉันใด การที่เราจะสร้างสุขภาพใจ สุขภาพใจก็คือทำอย่างไร ใจของเราจึงจะเข้าสู่ปกติ โดยมากแล้วใจของบุคคลจะน้อมไปตามอารมณ์ แล้วแต่อารมณ์มันจะมากระตุ้นให้เรานี้หวั่นไหวอย่างไร บางทีอารมณ์มันหนักก็เศร้าโศกนอนไม่หลับ บางทีอารมณ์มันฝืนทน หมายความว่าอารมณ์ดีเกิดขึ้นก็ชื่นชม จิตใจของเราก็เลยไปตกอยู่ในความดีและความไม่ดี ก็ทำให้จิตใจของเราหวั่นไหวเกิดขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจึงมีวิธีการที่จะทำสมาธิเพื่อที่จะให้เกิดการสะสมพลังจิต เพราะว่า การสะสมพลังจิตนั้น ถ้าเราทำถูก เราก็สามารถสะสมพลังจิตได้เยอะ ถ้าเราทำผิด มันก็ได้สะสมพลังจิตได้น้อย เมื่อเป็นเช่นนั้น หลักสูตรการทำสมาธิภายใต้สถาบันพลังจิตตานุภาพจึงให้พากันทำเพื่อให้เกิดพลังจิตพอเหมาะพอดี เรียกว่า พอเหมาะพอดีที่เราจะทำกัน
การนั่งสมาธินั้น เป็นของดีจริงแต่มันก็มีผิดและมันก็มีถูก ถ้าเราไปเชื่อ เขาเรียกว่า ตะครุบเงา เวลาทำสมาธิแล้วเราก็ไปเห็นนิมิตต่าง ๆ นิมิตต่าง ๆ นั้น มันอาจไปเป็นเทวดาบ้าง มันอาจเป็นนรกบ้าง มันอาจเป็นอะไรบ้าง อันนั้นคือสิ่งที่มันเกิดอยู่กับจิต การเกิดอยู่กับจิตนั้นก็เพราะจิตไปยึดเอามาไว้ เมื่อไปยึดเอามาไว้ มันก็กลายเป็นนิมิต เมื่อเวลาที่ทำสมาธิจิตเข้าภวังค์ เมื่อเข้าภวังค์ จิตมันก็ไปเห็นนิมิตเหล่านั้น แล้วเราก็หลงตามไป ทีนี้เมื่อเรามาศึกษารู้ว่าอันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกแล้ว เราก็มาทำในสิ่งที่ถูกให้เกิดขึ้น ทีนี้การทำสมาธินี่ มันเป็นจุดที่มีความสำคัญคือว่า สมาธิโดยเฉพาะแล้ว มันมีอยู่แล้ว เขาเรียกว่า “สมาธิธรรมชาติ” สมาธิธรรมชาตินี้จะให้ประโยชน์ต่อมนุษย์ทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลายนี่ถ้าเราเปรียบเทียบกันระหว่างมนุษย์กับสัตว์เดรัจฉาน มนุษย์จะมีความประเสริฐกว่ามาก สัตว์เดรัจฉาน เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย มันเคยไถนา มันเคยแก้ผ้า มันก็แก้ผ้าของมันอยู่อย่างนั้นมาหลายหมื่นปีแล้ว มันไม่ได้พัฒนาอะไร แต่ว่ามนุษย์นี่ตั้งแต่ก่อนไม่นุ่งผ้าจริง แต่เดี๋ยวนี้เป็นแฟชั่นแล้ว แต่ก่อนอยู่ในรู ในโพรงไม้ เดี๋ยวนี้เป็นคฤหาสน์ แต่ก่อนเดินเอา เดี๋ยวนี้มีรถยนต์ เรือบินแล้ว นี่คือสมองของมนุษย์ เพราะฉะนั้น มนุษย์จึงมีสมาธิธรรมชาติ ช่วยให้พัฒนาจากการที่ถ้าหากว่าคิดถึงสมัยก่อนจะเดินมาอเมริกา มาแคนาดานี่ หมดชีวิต บางทีก็ไปไม่ถึงถ้าอยู่ประเทศไทย แต่ประเดี๋ยวนี้มันมาเพียง ๑๐ กว่าชั่วโมงก็ถึงแล้ว เพราะฉะนั้น การพัฒนาเหล่านี้จึงถือว่ามนุษย์เรานี้ประเสริฐอย่างยิ่งแต่ว่ามนุษย์เราได้พากันมีโลกาภิวัฒน์ เขาเรียกว่าพัฒนาทางโลกมามากมาย แต่ว่ามนุษย์ของเรานี่ลืมไปว่าเราจะยังไม่ได้มาพัฒนาด้านจิตใจ ด้านจิตใจนั้นมีการพัฒนาน้อยมาก แต่การพัฒนาทางด้านวัตถุจะเป็นการรักษาโรคก็ผ่าตัดได้สารพัด จะเป็นยานพาหนะก็ไปเกือบถึงโลกพระอังคาร หรือจะเป็นการที่สร้างอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ที่โลกาภิวัฒน์สร้างขึ้นมา แต่ว่าส่วนนี้เรียกว่า พัฒนาโลกาภิวัฒน์ แต่การพัฒนาธรรมภิวัฒน์ยังไม่สมดุลกัน มันจึงขาดว่า อย่างที่เขาเรียกว่า วัตถุนิยม โลกาภิวัฒน์นี้คือ วัตถุนิยม การที่จะปฏิบัติทางด้านจิตใจนี้เขาเรียกว่า “จิตนิยม” เวลานี้เรากำลังพัฒนาจิตนิยม แล้วก็ภายใต้สถาบันพลังจิตตานุภาพที่หลวงพ่อได้ตั้งขึ้น ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๐ มาจนกระทั่งถึงบัดนี้ นี่กำลังที่จะพัฒนา คือหมายความว่า หลวงพ่อมาพิจารณาว่าเราควรที่จะต้องพัฒนาของที่มีอยู่ให้มันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คือมนุษย์เรามีความเฉลียวฉลาดกว่าสัตว์เดรัจฉานดังได้กล่าวแล้ว เพราะฉะนั้น จึงมีสมาธิธรรมชาติช่วยให้พวกเรามีชีวิตอยู่ได้ แล้วก็มีการพัฒนาขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็ควรมาพัฒนาทางด้านจิตใจนี่ให้มันทันกันกับโลกาภิวัฒน์ก็คือมาพัฒนาให้การทำสมาธินี่ง่ายขึ้น เรียกว่า จะทำอย่างไรก็ได้ในสมาธิที่มีอยู่ภายใต้สถาบันพลังจิตตานุภาพนี้ มีวิธีการเยอะก็เพื่อที่จะให้เป็นการสะสมพลังจิตนั่นเอง เพราะเมื่อเราสะสมพลังจิตได้มากขึ้นมาแล้วนี่ ในพลังจิตนี้มันจะมีทั้งบุญ มีทั้งวาสนา มีทั้งบารมี เราพากันสร้างบุญสร้างกุศลก็มากมาย ก็เข้ามารวมกันไว้ที่พลังจิตนี่เอง เมื่อพลังจิตพอเพียงเมื่อไรก็ได้สำเร็จ เมื่อพลังจิตยังไม่พอเพียง เราก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดกันต่อไป เพราะฉะนั้น ก็มีความสำคัญที่ว่า เราได้พัฒนาสิ่งที่มีอยู่นี้ให้ดีขึ้น เหมือนกันกับที่โลกาภิวัฒน์ เขาพัฒนาน้ำให้เป็นไฟ แต่ก่อนไม่มีเขื่อนโน้นเขื่อนนี้อะไรในโลกไม่มี มาสมัยปัจจุบันเขาได้สร้างเขื่อนขึ้น การสร้างเขื่อนขึ้นนั้นคือหมายความว่าแม่น้ำที่มีอยู่ในเวลานี้ คือแม่น้ำนี่เมื่อมันเป็นแม่น้ำมันก็ได้ผลแค่เป็นแม่น้ำ อย่างแม่น้ำเจ้าพระยาบ้าง แม่น้ำยม แม่น้ำน่าน อะไรก็สุดแล้วแต่ แต่เวลานี้เขาได้กั้นเป็นเขื่อน เช่นเขื่อนภูมิพลอย่างนี้ เมื่อกั้นเป็นเขื่อนขึ้นมาแล้ว น้ำนั่นก็ไม่ได้เสียหายไปไหน แต่เขื่อนภูมิพลผลิตพลังไฟฟ้า ซึ่งสามารถจ่ายพลังไฟฟ้าไปได้ถึง ๑๖ จังหวัดในเขื่อนอันเดียวนั้น ไฟฟ้าก็ไปเป็นประโยชน์ต่อมหาชนเป็นอันมาก เช่นเดียวกันกับพวกเราที่กำลังจะมาพัฒนาของที่มีอยู่ คือ สมาธิธรรมชาติที่มีอยู่นี่ให้เกิดเป็นฌาน ให้เกิดเป็นญาณ ให้เกิดมีพลังจิตที่สามารถควบคุมจิตใจของเราได้ ในปัจจุบันนี้ การควบคุมจิตใจนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง ถ้าหากว่าเราควบคุมจิตใจไม่ได้นั้น ความขัดแย้งนิดเดียวเท่าหัวไม้ขีดไฟ มันก็กลายเป็นอันตรายต่อครอบครัว เป็นอันตรายต่อสังคม เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ เป็นอันตรายต่อโลก แต่ถ้าหากว่าเราสามารถสร้างสมพลังจิตของเราขึ้นมาได้แล้ว พลังจิตสามารถควบคุมจิตได้ ความขัดแย้งใหญ่โตมันก็ลดระดับ เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวไม่แตกแยก เป็นประโยชน์ต่อสังคมไม่แตกแยก เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติไม่แตกแยก เป็นประโยชน์ต่อโลกไม่แตกแยก นี้คืออานิสงส์ของพลังจิตซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นความจริงที่สุดที่เป็นเช่นนี้ เพราะฉะนั้น คนเราจึงมีสิ่งที่เรียกว่าเป็นของสำคัญอย่างหนึ่งคือ “จุดดำ” จุดดำนี้ถ้าเกิดขึ้นแก่ผู้ใดแล้ว ผู้นั้นจะมีจิตใจที่เรรวน หรือมีจิตใจนี่เขาเรียกว่ามีความไม่สงบอยู่ในจิตใจ ทำให้บุคคลผู้นั้นต้องมีความอาฆาต พยาบาท จองเวร อะไรเป็นต้น ทีนี้พอทำสมาธิได้พลังจิต พลังจิตนี่จะไปแก้จุดดำนั้น เมื่อมีความอิจฉา พยาบาท อะไร เขาก็สามารถตัดออกไปได้ด้วยพลังจิต เพราะฉะนั้น พลังจิตจึงสามารถที่จะเป็นประโยชน์มหาศาล เช่นเดียวกันกับที่เขาสร้างเขื่อนจากธรรมชาติให้มาเป็นไฮเทค แล้วก็กลายเป็นไฟฟ้า ไฟฟ้าก็กลายเป็นคอมพิวเตอร์ เป็นเอ็กซเรย์ เป็นโทรศัพท์ โทรทัศน์ สารพัดอะไรอย่างนี้เป็นต้น เช่นเดียวกันกับการสร้างพลังจิต เมื่อสร้างพลังจิตเพิ่มได้ตามต้องการแล้ว ได้ระดับแล้ว ก็สามารถที่จะอำนวยประโยชน์ให้เป็นผลประโยชน์หาค่ามิได้เพราะฉะนั้น ขออวยพรให้ท่านทั้งหลายที่มีความตั้งใจมาเรียนสมาธิ เรียนกันให้จบ เพราะว่า สิ่งใดที่เราทำมันไม่จบ ผลมันไม่เกิด แต่ถ้าหากว่าทำจบแล้วผลมันจะเกิด มันเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น การเรียนก็ไม่ยาก ไม่เสียเวลา แล้วก็เรียนมาเราก็ได้รับผลอย่างยิ่งอย่างนี้เป็นต้น ด้วยพรที่หลวงพ่อได้ปฏิบัติคุณงามความดีมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน พรอันนี้จงส่งไปถึงนักศึกษาทั้งหลายที่ศึกษาครูสมาธิให้ประสบความสำเร็จในการศึกษาของตนด้วยประการทั้งปวง อายุ วัณโณ สุขัง พลัง" (สาธุ)